พม่าได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียนประจำปีในปี
2557 ซึ่งเป็นเวลานานถึง 8 ปีหลังจากที่พม่าต้องยอมสละวาระของการเป็นเจ้าภาพแบบหมุนเวียนของอาเซียนในปี
2549 (เนื่องจากถูกแรงกดดันของนานาชาติในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศของพม่า)
แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เกิดพัฒนาการทางด้านการเมืองของพม่าเป็นอย่างมาก
แต่นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศยังรู้สึกระแวงและเคลือบแคลงสงสัยว่า
การเปลี่ยนแปลงในพม่าจะจีรังยั่งยืนแค่ไหน
ความระแวงสงสัยยังครอบคุลมไปถึงความสามารถของพม่าในการเป็นประธานอาเซียนในปี 2557
ด้วย
สำหรับพม่าแล้ว การเป็นประธานอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้ามีความหมายอย่างยิ่ง
การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมอาเซียนในครั้งนี้จะมีขึ้นเพียงหนึ่งปีก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าเป็นครั้งที่
2 นับตั้งแต่พม่าได้เริ่มกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
(การเลือกตั้งครั้งแรกมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2553 – 20 ปีหลังจากการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายในปี
2533) การเป็นประธานอาเซียนจะนำมาซึ่งความชอบธรรมให้กับรัฐบาลปัจจุบันของประธานาธิบดีเต็งเส็ง
ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในการจัดการประชุมอาเซียนที่มีเกือบ 1 พันครั้งในช่วงการเป็นประธาน 1 ปี
ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลในการเปิดประเทศ
อวดโฉมศักยภาพด้านการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากอาเซียนและจากกลุ่ม Dialogue
Partners ของอาเซียน ขณะเดียวกัน
ยังเป็นโอกาสของพม่าในการแสดงความเป็นผู้นำในอาเซียน
โดยเฉพาะในการกระตุ้นให้ประเทศสมาชิกเร่งรีบปรับโครงสร้างภาพในประเทศเพื่อรับต่อการเป็นชุมชมอาเซียนในอีก
1 ปีถัดไป (2558) จากมุมมองนี้
จึงกล่าวได้ว่า
การเป็นประธานอาเซียนของพม่ามีผลต่อการกำหนดทิศทางทางการเมืองภายในอย่างมาก
ในส่วนของอาเซียนนั้น การมอบตำแหน่งประธานให้พม่าเป็นสิ่งที่หลีกเลียงไม่ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงพม่าในทางบวกถือเป็นการปลดอาเซียนออกจากคำกล่าวหาของนานาชาติว่าไร้ความสามารถในการสร้างแรงกดดันในพม่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
การมอบตำแหน่งประธานจึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า
นโยบายของอาเซียนในเรื่องพม่าเดินมาถูกทางแล้ว ที่สำคัญ
พม่าเป็นเพียงประเทศสมาชิกเดียวที่ยังไม่เคยได้รับตำแหน่งประธานอาเซียน
พิจารณาจากสาเหตุเหล่านี้
อาเซียนเห็นว่าพม่าพร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพเร็วกว่ากำหนดเดิม 2 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น